ฝังแร่ มะเร็งต่อมลูกหมาก เป็นวิธีการทางการแพทย์แบบใหม่ โดยไม่ต้องผ่าตัด

ฝังแร่ มะเร็งต่อมลูกหมาก เป็นวิธีการทางการแพทย์แบบใหม่ โดยไม่ต้องผ่าตัด

          การฝังแร่กัมมันตรังสีกับโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก นับเป็นวิทยาการทางการแพทย์แบบใหม่ในประเทศไทย ที่มีประสิทธิภาพต่อโรคมะเร็งต่อมลูกหมากให้หายได้ ซึ่งเมืองไทยมีโรงพยาบาลไม่กี่แห่งเปิดใช้กับผู้ป่วยมะเร็งต่อมลูกหมากด้วยวิธีนี้

     การฝังแร่กัมมันตรังสีกับโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก ทำการโดยนายแพทย์วิรุณ โทณะวณิก ผู้เชี่ยวชาญด้านการฝังแร่กัมมันตรังสีกับมะเร็งต่อมลูกหมากจากสหรัฐ มากกว่า 2,200 ราย ระยะเวลา 20 ปี ขณะนี้ประจำที่โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 อินเตอร์ วิธีนี้สามารถให้ผลได้เท่าเทียมกับการผ่าตัด โดยผู้ป่วยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องฉายแสง ไม่มีแผล ไม่เจ็บตัวมาก ฟื้นตัวเร็ว ที่สำคัญคือมีผลกระทบต่อสมรรถภาพทางเพศน้อยกว่าการผ่าตัดและฉายแสง และไม่มีผลต่อการกลั้นขับถ่ายปัสสวะ


          การวินิจฉัยมะเร็งต่อมลูกหมากนั้น ก่อนอื่นเมื่อแพทย์สงสัยว่าผู้ป่วยอาจจะป่วยเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก เช่น ผลตรวจเลือด PSA สูงกว่าปกติ และจากการตรวจ DRE (Digital Rectal Exam) ถ้าผิดปกติจำเป็นต้องเจาะชิ้นเนื้อต่อมลูกหมากไปทําการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งหรือไม่
ทําได้ 2 วิธี

วิธีที่ 1 การเจาะผ่านทวารหนัก ชึ่งจะมีโอกาสติดเชื้อได้สูงถึง 30% และยังได้ชิ้นเนื้อน้อย ไม่สามารถครอบคลุมทุกส่วนของต่อมลูกหมากได้หมด

วิธีที่ 2 การเจาะชิ้นเนื้อ โดยใช้ MRI ช่วยหาจุดที่อาจเป็นมะเร็งก่อน แล้วตามด้วยวิธีเจาะโดยไม่ผ่านทางทวารหนักแต่จะเจาะผ่านฝีเย็บโอกาสติดเชื้อจะน้อยมาก และเจาะได้ชิ้นเนื้อมากกว่า ครอบคลุมพื้นที่ของต่อมลูกหมากได้มากกว่า ถ้ามีมะเร็งเติบโตอยู่ในต่อมลูกหมาก จะมีโอกาสตรวจพบได้เกิน 80% หัตถการนี้ทำที่โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 อินเตอร์ได้ที่เดียวเท่านั้น โดยนายแพทย์วิรุณ โทณะวณิก


          ไม่ใช่ผู้ป่วยมะเร็งต่อมลูกหมากทุกคนจะสามารถใช้วิธีฝังแร่ได้ เพราะต้องตรวจให้แน่ใจเสียก่อนว่าเป็นมะเร็งอยู่ในระยะไหนแล้ว หากอยู่ในระยะเริ่มต้น 1-2 การใช้วิธีฝังแร่ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดี แต่ถ้าเป็นระยะลุกลามก็อาจจะต้องใช้วิธีอื่นควบคู่ไปด้วย การใช้วิธีฝังแร่กัมมันตรังสีทำแค่ครั้งเดียวก็หาย ไม่ต้องทำซ้ำ แต่อาจจะต้องดูระยะของมะเร็งด้วยว่าอยู่ขั้นไหน หากอยู่ในระยะ 1 กับ 2A จะฝังได้ผลดีที่สุด สามารถฝังแร่อย่างเดียวได้ แต่หากไปถึงระยะ 2B นอกจากฝังแร่ยังต้องฉายแสงหรือฮอร์โมนบำบัดช่วย ส่วนระยะ 3 ต้องทำควบคู่กันไป 3 อย่าง ทั้งฝัง ฉายแสง และฮอร์โมนบำบัด สำหรับระยะ 4 "สามารถทำได้แค่ฮอร์โมนอย่างเดียว เพราะอาการไปไกลมากแล้ว" สารกัมมันตรังสีที่เหมาะสมกับคนไข้มีอยู่ 3 ชนิด มีขนาดเท่าเมล็ดข้าว ซึ่งมีเวลาครึ่งชีวิต (ฮาล์ฟไลฟ์) และพลังงานไม่สูงมากนัก ได้แก่

"ไอโอดีน-125" สามารถอยู่ในร่างกายมนุษย์เป็นเวลา 1 ปี
"พาเลเดียม 103" อยู่ในร่างกายได้นาน 4 เดือน
"ซีเซียม 131" จะอยู่ในร่างกายราว 2-3 เดือน

ซึ่งสารเหล่านี้จะถูกบรรจุลงในเมล็ดแร่ไทเทเนียมที่ไม่มีผลใด ๆ ต่อร่างกาย


          หลังการฝังแร่คนไข้จะไม่มีแผลจากขั้นตอนผ่าตัด อาจจะมีรอยรูเข็มเล็ก ๆ บ้าง บริเวณฝีเย็บ ใช้เวลาแค่ 3-4 ชั่วโมงก็หายไป นอนพักฟื้นสัก 2 คืน จากนั้นก็สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่มีข้อแนะนำเพียงเล็กน้อย คือ เว้นออกกำลังกายสัก 1-2 อาทิตย์ โดยเฉพาะวิ่งกับขี่จักรยานที่สามารถส่งผลสะเทือนต่อต่อมลูกหมากได้ง่าย

          อย่างไรก็ตาม แม้การฝังแร่กัมมันตรังสีมีความปลอดภัยสูงและอัตราหายขาดสูงกว่าวิธีอื่น ทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง แต่ก็มีข้อเสีย คือ ต้องนำเข้าแร่จากอเมริกาและมีราคาแพงทำให้ต้องใช้เงินสูงในการเตรียมอุปกรณ์ที่ใช้กว่า 7 - 8 แสนบาท แต่ถ้าเทียบผลแทรกซ้อนเมื่อเทียบกับการผ่าตัดแล้วถือว่าคุ้ม มีผู้ป่วยหลายคนที่เคยผ่าตัดไปแล้ว จะไม่สามารถกลับมาใช้วิธีฝังแร่ได้เลยผลแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นไม่สามารถกลับมาได้เหมือนเดิม


 *สอบถามเรื่องโรคมะเร็งต่อมลูกหมากและขอคำปรึกษา ได้ที่ โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 อินเตอร์
Call Center 1609 โทร.091-770-6639
นายแพทย์วิรุณ โทณะวณิก แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์มะเร็งด้วย­รังสีคริสเตียน่าแคร์ มลรัฐเดลาแวร์ สหรัฐอเมริกา พร้อมให้คำปรึกษาที่โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 อินเตอร์ กม 14.5


ศูนย์มะเร็งต่อมลูกหมาก - โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 อินเตอร์

ความคิดเห็น